-ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว-
“ตัวเกมทำให้ครอบครัวได้พูดคุยกันได้อย่างเปิดใจตรงไปตรงมาโดยไม่ก่อให้เกิดการปะทะ ดีใจและรู้สึกคิดไม่ผิดเลยที่ชวนครอบครัวมาร่วมทำ workshop นี้ด้วยกัน”
อาทิตย์ที่แล้วมีโอกาสได้จัด transformation game session ให้กับครอบครัวหนึ่ง มีคุณแม่และลูก 2 คนวัย 20 กลางๆ ที่ความสัมพันธ์เดินมาถึงช่วงเปราะบางมาก ก่อนจะตัดสินใจมาเข้า workshop นี้ ทั้งบ้านตั้งใจที่จะไปพบจิตแพทย์ด้วยกัน หวังให้ช่วยคลายปัญหาที่สะสมในครอบครัว แล้วก็พอดีมีคนแนะนำว่ากระบวนการนี้อาจจะช่วยก็ได้นะ อย่างน้อยก็จะช่วยให้ได้ยินเสียงของตัวเอง เข้าใจและรับฟังกันและกัน
เป็น session 1 วันที่ประกอบหลากอารมณ์ พื้นฐานที่สัมผัสได้ในใจของทุกคนคือความรัก ความรักแบบไร้เงื่อนใขของแม่ และความรักที่อยากเห็นความสัมพันธ์ของครอบครัวดีขึ้นของลูกๆ ภายใต้ความรักนั้นฉาบด้วยความรู้สึกที่สะสมและไม่ได้สื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกด้อยค่า ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกไม่พอใจที่ไม่ได้รับความไว้วางใจ และความซับซ้อนทางอารมณ์อีกหลากหลาย
มีบางช่วงตอนที่พอหันหน้าแล้วเริ่มพูดกันเอง ความเข้มข้นของอารมณ์ก็เริ่มจะสูงขึ้น เสียงสูงขึ้น ดังขึ้น ในฐานะ facilitator ก็กระตุกว่า “ลองพูดถึงเค้าผ่านผิงค่ะ ให้โฟกัสที่การเล่าให้ผิงฟังนะ” พอไม่ได้พูดผ่านกันโดยตรง อารมณ์ที่พร้อมปะทะแล้วต่างคนต้องคอยตั้งการ์ดรอก็คลายลง เหลือแค่การฟังสังเกตการณ์แบบเป็นบุคคลที่ 3 สิ่งที่สัมผัสได้ชัดและได้เรียนรู้จากวันนั้นก็คือ การฟังกันด้วยใจที่เปิดสำคัญมาก และการจะประสานความสัมพันธ์ครอบครัวเป็นเรื่องของการทำงานเป็นทีมไม่ใช่งานเดี่ยว
สิ้นสุดของวัน ทุกคนลุกขึ้นกอดกัน ถึงแม้ยังมีตะกอนที่ต้องไปทำงานกันเองต่อในครอบครัว แต่เชื่อว่าวันนั้นทั้งครอบครัวเห็นว่าเค้าเป็นทีมเดียวกัน เป็นภาพที่มีพลังมากในความรู้สึกเรา มองภาพการกอดกันของแม่ลูก 3 คน แล้วก็พูดในใจว่า ขอบคุณใดๆที่ให้ได้ทำงานนี้ และทำให้ได้เห็นความงดงามของความสัมพันธ์
Relationships are teamwork, not one against the other.